กำลังโหลด...
กราฟราคาทองคำ (XAUUSD)
[[ data.name ]]
[[ data.ticker ]]
[[ data.price ]] [[ data.change ]] ([[ data.changePercent ]]%)
ต่ำ: [[ data.low ]]
สูง: [[ data.high ]]
ภาพรวมแผนภูมิราคาทองคำ
ทองคำเป็นการลงทุนที่เป็นที่ต้องการมายาวนานและเป็นองค์ประกอบสำคัญของระบบการเงินโลก ในฐานะหนึ่งใน สินค้าโภคภัณฑ์ ที่สำคัญที่สุด ทองคำทำหน้าที่เป็นเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ เป็นที่หลบภัยในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอน และเป็นรากฐานในพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย แผนภูมิราคาให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ ราคาทองคำ ในอดีตและปัจจุบัน ช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจโดยอาศัยข้อมูล แผนภูมิเหล่านี้แสดงให้เห็นแนวโน้มราคาเป็นภาพ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดทองคำ
ไม่ว่าคุณกำลังมองหาการซื้อทองคำเพื่อการลงทุนหรือขายทองคำเพื่อใช้ประโยชน์จากราคาสูงสุดในตลาด การทำความเข้าใจแผนภูมิราคาทองคำสามารถช่วยให้คุณกำหนดจุดเข้าและออกที่เหมาะสมที่สุดได้ นอกจากนี้ เครื่องมือเหล่านี้ยังให้บริบทอันมีค่าสำหรับเทรดเดอร์ในการพัฒนา กลยุทธ์การซื้อขายทองคำ ที่เหมาะกับเป้าหมายทางการเงินของพวกเขา
วิธีการอ่านกราฟราคาทองคำ
กราฟราคาทองคำอาจดูซับซ้อนในตอนแรก แต่เมื่อแยกย่อยออกเป็นองค์ประกอบพื้นฐาน จะทำให้ตีความได้ง่ายขึ้น:
1. กรอบเวลา:
แกน X บนแผนภูมิแสดงเวลาตั้งแต่นาทีไปจนถึงหลายปี โดยทั่วไปแล้ว ผู้ซื้อขายจะวิเคราะห์การเคลื่อนไหวในระยะสั้น ในขณะที่นักลงทุนระยะยาวจะเน้นที่แนวโน้มในวงกว้างที่กินเวลานานหลายเดือนหรือหลายปี
2. ระดับราคา:
แกน Y แสดงราคาทองคำ ซึ่งโดยปกติจะวัดเป็นออนซ์ ระดับราคาหลักอาจเผยให้เห็นพื้นที่แนวรับ (ซึ่งราคามีแนวโน้มทรงตัว) หรือแนวต้าน (ซึ่งราคาดิ้นรนที่จะปรับตัวสูงขึ้นต่อไป)
3. ประเภทแผนภูมิ:
- แผนภูมิเส้น: ให้มุมมองที่เรียบง่ายโดยเชื่อมโยงราคาปิดในกรอบเวลาต่างๆ
- กราฟ แท่งเทียน *: แสดงราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูงและราคาต่ำในแต่ละช่วงเวลา พร้อมทั้งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกิจกรรมในตลาด
4. ตัวบ่งชี้:
กราฟราคาทองคำจำนวนมากมีตัวบ่งชี้เช่น ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, RSI (ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพันธ์) และ Bollinger Band ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อขายสามารถประเมินโมเมนตัมและการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้นได้
โดยการเข้าใจองค์ประกอบเหล่านี้ คุณสามารถใช้เครื่องคำนวณราคาทองคำเพื่อประเมินกำไรหรือขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้ตามแนวโน้มในอดีต
วิธีการใช้แผนภูมิราคาทองคำ
กราฟราคาทองคำเป็นเครื่องมืออเนกประสงค์ที่ใช้โดยนักลงทุนทั้งมือใหม่และมีประสบการณ์ นี่คือวิธีที่คุณสามารถผสานรวมกราฟเหล่านี้เข้ากับกลยุทธ์การซื้อขายและการลงทุนของคุณ:
1. ระบุแนวโน้ม:
วิเคราะห์แผนภูมิเพื่อพิจารณาว่าราคาทองคำมีแนวโน้มขึ้น ลง หรือเคลื่อนตัวในแนวข้าง การวิเคราะห์แนวโน้มมีความสำคัญต่อการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
2. กำหนดจุดเข้าและออก:
ใช้รูปแบบทางเทคนิคเพื่อระบุช่วงเวลาที่เหมาะสมในการ ซื้อทองคำ หรือ ขายทองคำ ตัวอย่างเช่น การ ทะลุ เหนือระดับแนวต้านอาจเป็นสัญญาณของโอกาสในการซื้อ
3. การจัดการความเสี่ยง:
ข้อมูลประวัติจากแผนภูมิสามารถช่วยให้คุณกำหนดคำสั่ง stop-loss เพื่อลดการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการปกป้องพอร์ตโฟลิโอของคุณในช่วงที่มีความผันผวน
4. ความสัมพันธ์กับตลาดอื่น ๆ :
ทองคำมักมีความสัมพันธ์กับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ เช่น เงินหรือ น้ำมันดิบเบรนต์ หรือ น้ำมัน WTI การเปรียบเทียบราคาสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดในวงกว้าง
5. สนับสนุนการตัดสินใจ:
ไม่ว่าคุณจะกำลังสร้างกลยุทธ์การซื้อขายทองคำหรือใช้แบบจำลอง การคาดการณ์ราคาทองคำ แผนภูมิจะให้ข้อมูลที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจของคุณ
ข้อดีและข้อเสียของแผนภูมิราคา
ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|
การนำเสนอด้วยภาพ: กราฟทำให้ข้อมูลที่ซับซ้อนดูง่ายขึ้น และช่วยให้มองเห็นแนวโน้มและรูปแบบได้ง่ายขึ้น | ซับซ้อนสำหรับผู้เริ่มต้น: ตัวชี้วัดและรูปแบบขั้นสูงอาจทำให้ผู้ค้ารายใหม่สับสน |
ข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง: ช่วยให้ผู้ค้าระบุโอกาสในการซื้อหรือขายตามการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตและปัจจุบัน | ตัวชี้วัดที่ล้าหลัง: เครื่องมือบางอย่างในกราฟสะท้อนข้อมูลในอดีตแทนที่จะคาดการณ์แนวโน้มในอนาคต |
การปรับแต่ง: แพลตฟอร์มจำนวนมากอนุญาตให้ปรับแต่งกราฟด้วยตัวชี้วัด กรอบเวลา และประเภทกราฟ | การพึ่งพามากเกินไป: การให้ความสำคัญกับกราฟเพียงอย่างเดียวโดยไม่คำนึงถึงปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค เช่น เหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์หรืออัตราดอกเบี้ย อาจนำไปสู่การวิเคราะห์ที่ไม่สมบูรณ์ |
การเข้าถึง: กราฟราคาทองคำมีให้ใช้อย่างแพร่หลายในแพลตฟอร์มการซื้อขาย ทำให้เข้าถึงได้ง่าย |
โดยการชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียเหล่านี้ ผู้ค้าจะสามารถสร้างสมดุลระหว่างการวิเคราะห์แผนภูมิกับการวิจัยตลาดในวงกว้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กราฟแนวโน้มราคาทองคำในปัจจุบัน
ณ ปี 2024 ราคาทองคำได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย:
1. ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ:
ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวส่งผลให้ความต้องการทองคำเพิ่มขึ้นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ส่งผลให้ราคาสูงขึ้น
2. นโยบายของธนาคารกลาง:
ด้วยการที่ธนาคารกลางหลายแห่งยังคงรักษาอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทองคำจึงมีความน่าสนใจมากขึ้นเนื่องจากต้นทุนโอกาสที่ลดลงจากการถือครองสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน
3. ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ:
อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นในเศรษฐกิจหลักส่งผลให้ทองคำมีความน่าดึงดูดใจในฐานะแหล่งเก็บมูลค่า ส่งผลให้มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น
4. ตลาดเกิดใหม่:
การซื้อทองคำที่เพิ่มขึ้นในตลาดเช่นอินเดียและจีนช่วยสนับสนุนความต้องการทั่วโลก และทำให้ราคายังคงสูงขึ้น
กราฟราคาทองคำสะท้อนถึงพลวัตเหล่านี้ โดยเน้นที่ระดับ แนวรับและแนวต้าน ที่สำคัญที่ผู้ซื้อขายสามารถใช้เพื่อคาดการณ์การเคลื่อนไหวในอนาคต
แผนภูมิราคาทองคำประเภทต่างๆ
นักลงทุน สามารถเลือกประเภทแผนภูมิต่างๆ ได้ตามความต้องการและความเชี่ยวชาญของตนเอง:
1. แผนภูมิเส้น:
- ภาพรวม: แสดงเส้นเรียบง่ายที่เชื่อมราคาปิดในกรอบเวลาที่เลือก
- กรณีการใช้งาน: เหมาะสำหรับการระบุแนวโน้มในระยะยาว
2. กราฟแท่ง แท่งเทียน :
- ภาพรวม: แสดงข้อมูลราคาโดยละเอียด รวมถึงราคาเปิด ราคาปิด ราคาสูง และราคาต่ำ
- กรณีการใช้งาน: ดีที่สุดสำหรับการระบุรูปแบบเช่น "หัวและไหล่" หรือ "ยอดคู่"
3. แผนภูมิแท่ง:
- ภาพรวม: ใช้แถบแนวตั้งเพื่อแสดงช่วงราคาในกรอบเวลาที่เจาะจง
- กรณีการใช้งาน: เหมาะสำหรับผู้ซื้อขายที่ต้องการข้อมูลรายวันแบบละเอียด
4. แผนภูมิ Heikin-Ashi:
- ภาพรวม: ปรับระดับราคาเพื่อเน้นแนวโน้ม ลดสัญญาณรบกวนจากความผันผวนของตลาด
- กรณีการใช้งาน: เป็นประโยชน์สำหรับกลยุทธ์การติดตามแนวโน้ม
5. แผนภูมิจุดและตัวเลข:
- ภาพรวม: มุ่งเน้นเฉพาะการเปลี่ยนแปลงราคาเท่านั้น โดยไม่สนใจเวลา
- กรณีการใช้งาน: มีประสิทธิผลในการระบุแนวโน้มราคาในระยะยาว
การเลือกประเภทแผนภูมิที่ถูกต้องถือเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการวิเคราะห์ของคุณให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ในการซื้อขายของคุณ
สินค้าอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
หากคุณกำลังซื้อขายทองคำ คุณอาจสนใจสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งมี การกระจายความเสี่ยง และพลวัตของตลาดที่คล้ายคลึงกัน:
1.เงิน:
ราคาเงินมักเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับทองคำ และเป็นตัวเลือกยอดนิยมของนักลงทุนที่มองหาช่องทางเข้าสู่โลหะมีค่าที่มีต้นทุนต่ำกว่า
2. แพลตตินัม:
ราคาแพลตตินัม ซึ่งใช้ทั้งในงานอุตสาหกรรมและเป็นการลงทุน สามารถนำมาซึ่งโอกาสอันเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะในช่วงที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ
3. แพลเลเดียม:
ส่วนใหญ่ใช้ในการผลิตยานยนต์ ราคาแพลเลเดียม ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากความต้องการของภาคอุตสาหกรรม
4. น้ำมันดิบ:
เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลก มักสัมพันธ์กับแนวโน้มเงินเฟ้อที่ส่งผลต่อทองคำด้วย
5. ทองแดง:
รู้จักกันในชื่อ "ดร. คอปเปอร์" เนื่องจากมีความอ่อนไหวต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ copper มอบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความต้องการและการเติบโตของภาคอุตสาหกรรม
การสำรวจสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้จะช่วยให้คุณกระจายพอร์ตโฟลิโอของคุณและใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดได้มากขึ้น
Swap ของคำสั่งเสนอขาย | [[ data.swapLong ]] จุด |
---|---|
Swap ของคำสั่งเสนอซื้อ | [[ data.swapShort ]] จุด |
ค่าสเปรดขั้นต่ำ | [[ data.stats.minSpread ]] |
ค่าสเปรดเฉลี่ย | [[ data.stats.avgSpread ]] |
ขนาดสัญญาขั้นต่ำ | [[ data.minVolume ]] |
ขนาดขั้นต่ำ | [[ data.stepVolume ]] |
ค่าคอมมิชชั่น และ Swap | ค่าคอมมิชชั่น และ Swap |
เลเวอเรจ | เลเวอเรจ |
ชั่วโมงการซื้อขาย | ชั่วโมงการซื้อขาย |
* สเปรดที่ให้ไว้เป็นภาพสะท้อนของค่าเฉลี่ยถ่วงเวลา แม้ว่า Skilling จะพยายามให้สเปรดที่แข่งขันได้ในช่วงเวลาการซื้อขายทั้งหมด แต่ลูกค้าควรทราบว่าสิ่งเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปและอ่อนไหวต่อสภาวะตลาดพื้นฐาน ข้อมูลข้างต้นจัดทำขึ้นเพื่อจุดประสงค์ในการบ่งชี้เท่านั้น ขอแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบประกาศข่าวสำคัญในปฏิทินเศรษฐกิจของเรา ซึ่งอาจส่งผลให้สเปรดกว้างขึ้น ท่ามกลางกรณีอื่นๆ
สเปรดข้างต้นสามารถใช้ได้ภายใต้เงื่อนไขการซื้อขายปกติ Skilling มีสิทธิ์แก้ไขส่วนต่างข้างต้นตามเงื่อนไขของตลาดตาม 'ข้อกำหนดและเงื่อนไข'
เทรด [[data.name]] กับ Skilling
จับตาภาคสินค้าโภคภัณฑ์! กระจายความเสี่ยงด้วยตำแหน่งเดียว
- เทรด 24/5
- มาร์จิ้นขั้นต่ำที่จำเป็นต่ำ
- สเปรดที่แคบที่สุด
- แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย
FAQs
ทองคำและเงินต่างกันอย่างไร
+ -
ทองคำและเงินเป็นโลหะที่มีการซื้อขายมากที่สุดในโลก 2 ชนิด แต่การทำความเข้าใจความแตกต่างของโลหะเหล่านี้เป็นงานที่ซับซ้อนและมีการพัฒนาตลอดเวลา ทองคำมักถูกมองว่าเป็นการลงทุนที่ปลอดภัย เนื่องจากมูลค่าของมันมักจะสูงแม้ว่าตลาดอื่นๆ จะผันผวนก็ตาม ในทางกลับกัน เงินสามารถผันผวนได้มากกว่าเนื่องจากมีการใช้ในอุตสาหกรรมจำนวนมาก ดังนั้นการเทรดด้วย CFD จึงมีความเสี่ยงมากกว่าการลงทุนในทองคำ
อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าโลหะมีค่าบางรายยังคงพบข้อได้เปรียบในการเทรดเงินมากกว่าทองคำ : ความต้องการโลหะเงินในอุตสาหกรรมสามารถนำไปสู่ราคาที่ผันผวนซึ่งนำเสนอโอกาสสำหรับนักลงทุนที่เข้าใจ ท้ายที่สุด ความแตกต่างระหว่างทองคำและโลหะเงินขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดของตนเป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่คนหนึ่งอาจได้รับในเวลาเดียวกัน แต่อีกคนหนึ่งอาจได้รับอย่างมากจากอีกคนหนึ่ง
มีทองคำอยู่เท่าไหร่
+ -
เมื่อพูดถึงทรัพยากรทองคำ ปริมาณที่มีอยู่ในโลกทุกวันนี้อาจแตกต่างกันไปมาก ประมาณการได้ตั้งแต่ 165,000 ตันถึงมากกว่า 2 ล้านตัน คิดเป็นทองคำที่ทั้งเข้าถึงได้และเข้าถึงไม่ได้ สิ่งที่แน่นอนก็คือทองคำนั้น ยังคงเป็นทรัพย์สินที่มีค่าและมูลค่าของมันผันผวนไปตามกลไกของตลาด การทำเหมืองแร่และการหาแร่ทองคำยังคงเป็นความพยายามที่ให้ผลกำไรสูง เนื่องจากมูลค่าโดยธรรมชาติของทองคำ
อันที่จริง ทองคำถูกใช้เป็นสกุลเงินมาตั้งแต่สมัยโบราณและยังคง มีความสำคัญทางเศรษฐกิจสมัยใหม่โดยมีประเทศต่างๆ เช่น จีนเป็นผู้นำ แม้ว่าทองคำอาจไม่ได้รับการขุดและซื้อขายมากเท่ากับสินค้าอื่นๆ เช่น น้ำมันหรือข้าวสาลี แต่ทองคำที่มีอยู่ยังคงมีความสำคัญทั้งในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรมทั่วโลก
จะซื้อขายทองคำได้อย่างไร
+ -
ผู้ที่ต้องการซื้อขายทองคำมีทางเลือกไม่กี่ทาง คุณสามารถซื้อทองคำจริง เช่น เหรียญและแท่ง ใช้ฟิวเจอร์สและออปชัน หรือเลือกซื้อขายสัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFDs) โดยพื้นฐานแล้ว CFDs เป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่าย ซึ่งกำหนดจำนวนเงินที่จะแลกเปลี่ยนโดยขึ้นอยู่กับว่าราคาของสินทรัพย์ (ในกรณีนี้คือทองคำ) เปลี่ยนแปลงอย่างไร
เมื่อใช้ CFD เมื่อซื้อขายทองคำ คุณจะได้รับประโยชน์จากความสามารถในการใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของคุณ ซึ่งหมายความว่า ที่คุณสามารถเปิดตำแหน่งที่ใหญ่กว่าด้วยเงินทุนของคุณเพียงอย่างเดียว - แต่ก็คุ้มค่าที่จะสังเกตว่าความเสี่ยงที่สูงขึ้นนั้นจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบ กล่าวคือ การซื้อขายทองคำอาจเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเปิดรับทั้งความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นและความเสี่ยงด้านลบจากการถือครองทองคำ ทองในราคาเพียงเศษเสี้ยว
ทำไมต้องเทรด [[data.name]]
ใช้ประโยชน์สูงสุดจากความผันผวนของราคา - ไม่ว่าราคาจะแกว่งไปในทิศทางใดและไม่มีข้อจำกัดที่เกี่ยวข้องกับการเป็นเจ้าของสินทรัพย์อ้างอิง
CFDs
สินค้าโภคภัณฑ์จริง
ใช้ประโยชน์จากราคาที่สูงขึ้น (long)
ใช้ประโยชน์จากราคาที่ลดลง (short)
เทรดด้วยเลเวอเรจ
เทรดตามความผันผวน
ไม่มีค่าคอมมิชชั่น
สเปรดต่ำ
จัดการความเสี่ยงด้วยเครื่องมือในแพลตฟอร์ม
ความสามารถในการกำหนดระดับการทำกำไรและหยุดการขาดทุน