เทคโนโลยีทางการเงิน (เรียกอีกอย่างว่า fintech) เป็นคำที่ใช้เรียกเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการเงินของเรา ครอบคลุมทุกอย่างตั้งแต่แอปมือถือที่ช่วยคุณจัดทำงบประมาณไปจนถึงแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อขาย หุ้น และ สกุลเงินดิจิทัล แต่ fintech คืออะไรกันแน่ และทำงานอย่างไร?
สัมผัสประสบการณ์แพลตฟอร์มที่ได้รับรางวัลของ Skilling
ลองใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายของ Skilling บนอุปกรณ์ที่คุณเลือกผ่านเว็บ Android หรือ iOS
ความหมายของ Fintech
Fintech ใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้บริการทางการเงินรวดเร็วขึ้น ราคาถูกลง และง่ายขึ้น ตัวอย่างเช่น แอป fintech ช่วยให้คุณโอนเงิน ติดตามการใช้จ่าย หรือลงทุนในตลาดหุ้นได้โดยไม่ต้องไปที่ธนาคารหรือที่ปรึกษาทางการเงิน พูดง่ายๆ ก็คือ fintech ทำให้การจัดการเงินของคุณเข้าถึงได้ง่ายขึ้นและสะดวกสบายขึ้นด้วยการใช้เทคโนโลยี
ตัวอย่างของ fintech
1. แอปธนาคารบนมือถือ
แอปอย่าง Chime และ Revolut ช่วยให้คุณจัดการบัญชีธนาคารของคุณจากสมาร์ทโฟนได้ คุณสามารถตรวจสอบยอดเงิน โอนเงิน และชำระค่าใช้จ่ายได้โดยไม่ต้องไปที่สาขาธนาคาร
2. แอปการชำระเงิน
PayPal และ Venmo เป็นที่นิยมใช้ในการส่งเงินให้เพื่อนหรือชำระค่าสินค้าและบริการออนไลน์ ช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นเรื่องง่ายและปลอดภัย และคุณสามารถเชื่อมต่อแอปเหล่านี้กับบัญชีธนาคารหรือบัตรเครดิตของคุณได้
3.แพลตฟอร์มการลงทุนและการซื้อขาย
แพลตฟอร์มเช่น Skilling นำเสนอการซื้อขาย CFD (สัญญาส่วนต่าง) ซึ่งทำให้คุณสามารถซื้อและขายหุ้น สกุลเงินดิจิทัล และตราสารทางการเงินอื่นๆ ได้จากโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ของคุณ บริการเหล่านี้มักมีค่าธรรมเนียมต่ำและอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและ นักลงทุน และผู้ซื้อขายที่มีประสบการณ์
4. การแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล
Coinbase และ Binance เป็นตัวอย่างของแพลตฟอร์มที่คุณสามารถซื้อ ขาย และแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum และอื่นๆ อีกมากมาย การแลกเปลี่ยนเหล่านี้ทำให้การเข้าสู่โลกของสกุลเงินดิจิทัลเป็นเรื่องง่าย
5. การให้กู้ยืมแบบ peer-to-peer
บริการเช่น LendingClub และ Prosper ช่วยเชื่อมโยงผู้ที่ต้องการกู้เงินกับผู้ที่มีเงินให้กู้ยืม รูปแบบการให้กู้ยืมโดยตรงนี้มักเสนออัตราที่ดีกว่าสำหรับผู้กู้ยืมและผลตอบแทนสำหรับผู้ให้กู้ยืมเมื่อเทียบกับธนาคารแบบดั้งเดิม
6. ที่ปรึกษาหุ่นยนต์
Betterment และ Wealthfront เป็นที่ปรึกษาอัตโนมัติที่ใช้ขั้นตอนวิธีในการจัดการการลงทุนของคุณ คุณตอบคำถามสองสามข้อเกี่ยวกับเป้าหมายและการยอมรับความเสี่ยงของคุณ จากนั้นที่ปรึกษาอัตโนมัติจะสร้างและจัดการพอร์ตการลงทุนให้กับคุณ
7. กระเป๋าสตางค์ดิจิทัล
Apple Pay และ Google Wallet ช่วยให้คุณจัดเก็บบัตรเครดิตและบัตรเดบิตในรูปแบบดิจิทัล คุณสามารถชำระเงินได้โดยใช้เพียงโทรศัพท์หรือสมาร์ทวอทช์ ซึ่งรวดเร็วและสะดวกสบาย
8. เทคโนโลยี บล็อกเชน (blockchain)
Ethereum และ Polkadot เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้เทคโนโลยี บล็อกเชน (blockchain) สำหรับมากกว่าแค่สกุลเงินดิจิทัล แพลตฟอร์มเหล่านี้เปิดใช้งาน สัญญาอัจฉริยะ และแอปพลิเคชันแบบกระจายอำนาจ (dApps) สำหรับการใช้งานหลากหลาย ตั้งแต่การเงินไปจนถึงการเล่นเกม
9. แพลตฟอร์ม การระดมทุน (crowdfunding)
Kickstarter และ GoFundMe เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้คนสามารถระดมทุนสำหรับโครงการหรือกิจกรรมใหม่ๆ ได้ โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้บุคคลและธุรกิจต่างๆ สามารถระดมทุนจากผู้คนจำนวนมากได้ด้วยการบริจาคเพียงเล็กน้อย
5 บริษัท Fintech อันดับต้น ๆ ที่ควรซื้อขาย
1. บริษัท วีซ่า อิงค์ (V)
มูลค่าตลาดปัจจุบัน ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2024: 531.74 พันล้านดอลลาร์
Visa เป็นผู้นำระดับโลกด้านการชำระเงินดิจิทัลและบริการบัตรเครดิต โดยมอบแพลตฟอร์มที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้สำหรับธุรกรรมหลายล้านรายการทุกวัน
ด้วยมูลค่าตลาดปัจจุบันที่ 531,740 ล้านดอลลาร์ Visa ถือเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นในพื้นที่ fintech การเข้าถึงทั่วโลกที่กว้างขวางและเทคโนโลยีการชำระเงินที่สร้างสรรค์ เช่น การชำระเงินแบบไร้สัมผัสและการป้องกันการฉ้อโกง ทำให้เป็นตัวเลือกที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ค้าที่แสวงหาเสถียรภาพและการเติบโตในภาคการชำระเงินดิจิทัล
2. บริษัท มาสเตอร์การ์ด อินคอร์ปอเรทเต็ด (MA)
มูลค่าตลาดปัจจุบัน ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2024: 409.13 พันล้านดอลลาร์
Mastercard นำเสนอโซลูชั่นการชำระเงินที่หลากหลาย รวมถึงบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรเติมเงิน โดยเป็นที่รู้จักในด้านเทคโนโลยีการชำระเงินขั้นสูงและเครือข่ายธุรกรรมทั่วโลก
ด้วยมูลค่าตลาด 409.13 พันล้านเหรียญสหรัฐ บริการทางการเงินที่แข็งแกร่งของ Mastercard รวมถึงการมุ่งเน้นด้านนวัตกรรม เช่น เทคโนโลยี บล็อกเชน (blockchain) และการชำระเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย ทำให้บริษัทอยู่ในตำแหน่งที่ดีสำหรับการเติบโตในอนาคต
3. บริษัท เพย์พาล โฮลดิ้งส์ อิงค์ (PYPL)
มูลค่าตลาดปัจจุบัน ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2024: 63.05 พันล้านดอลลาร์
PayPal เป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินออนไลน์ชั้นนำที่ให้บริการสำหรับธุรกรรมส่วนบุคคล การช็อปปิ้งออนไลน์ และการชำระเงินทางธุรกิจ
ด้วยมูลค่าตลาด 63.05 พันล้านเหรียญสหรัฐ แบรนด์ที่ได้รับการยอมรับ ฐานผู้ใช้ที่กว้างขวาง และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องในบริการทางการเงินใหม่ๆ ทำให้ PayPal เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ นักลงทุน
4. บริษัท สแควร์ อิงค์ (Block, Inc.) (SQ)
มูลค่าตลาดปัจจุบัน ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2024: 42.48 พันล้านดอลลาร์
Square ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Block, Inc. ให้บริการทางการเงินที่หลากหลาย รวมถึงระบบจุดขาย การประมวลผลการชำระเงิน และการจัดการการเงินส่วนบุคคลผ่าน Cash App
ด้วยมูลค่าตลาด 42.48 พันล้านเหรียญสหรัฐ แนวทางการชำระเงินและบริการทางการเงินที่สร้างสรรค์ของ Block พร้อมด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีศักยภาพในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญสำหรับผู้ซื้อขาย
5. บริษัท Robinhood Markets, Inc. (HOOD)
มูลค่าตลาดปัจจุบัน ณ วันที่ 14 กรกฎาคม 2024: 19.58 พันล้านดอลลาร์
Robinhood เป็นที่รู้จักในฐานะแพลตฟอร์มการซื้อขายที่ไม่เสียค่าคอมมิชชันซึ่งเสนอหุ้น อนุพันธ์ และสกุลเงินดิจิทัลให้กับ นักลงทุน รายย่อย
ด้วยมูลค่าตลาด 19.58 พันล้านเหรียญสหรัฐ การปรากฏตัวที่แข็งแกร่งของ Robinhood ในตลาดการค้าปลีก ประกอบกับแอปที่ใช้งานง่ายและบริการทางการเงินที่ขยายตัว ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับ นักลงทุน
ข้อดีและข้อเสียของการซื้อขาย fintech
| ข้อดี | ข้อเสีย |
|---|---|
| ศักยภาพในการเติบโตสูง: บริษัท Fintech มักดำเนินกิจการในตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งมอบโอกาสในการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ | ความผันผวนสูง: ภาค fintech อาจมีความผันผวนสูง โดยราคาหุ้นอาจเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากอารมณ์ของตลาดและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี |
| นวัตกรรม: บริษัท Fintech อยู่แนวหน้าของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งมีโอกาสให้การเข้าถึงนวัตกรรมที่ล้ำสมัยก่อนได้ | ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ: บริษัท Fintech มักเผชิญกับการตรวจสอบด้านกฎระเบียบอย่างเข้มงวด และการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานและผลกำไรของบริษัทเหล่านั้น |
| โอกาสที่หลากหลาย: ภาคส่วนนี้มีบริการที่หลากหลายตั้งแต่การชำระเงินและการกู้ยืมไปจนถึงเทคโนโลยี บล็อกเชน (blockchain) และประกันภัย ช่วยให้การลงทุนมีความหลากหลาย | การแข่งขัน: ภาคส่วนนี้มีการแข่งขันสูงมาก โดยจำเป็นต้องมีนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวไปข้างหน้า ซึ่งอาจต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมากและนำไปสู่การสูญเสียส่วนแบ่งการตลาด |
| ประสิทธิภาพและความสะดวกสบาย: โซลูชัน Fintech ปรับปรุงธุรกรรมทางการเงินและบริการ เพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้และประสิทธิภาพการดำเนินงาน | ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี: การพึ่งพาเทคโนโลยีหมายความว่าบริษัท fintech มีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ ความล้มเหลวของระบบ และความล้าสมัยของเทคโนโลยี |
| ผลกระทบเชิงรบกวน: บริษัท Fintech อาจทำให้บริการทางการเงินแบบดั้งเดิมได้รับผลกระทบ ซึ่งอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงและผลกำไรของตลาดอย่างมาก | __ผลกำไรที่ไม่แน่นอน: สตาร์ทอัพ fintech จำนวนมากดำเนินธุรกิจขาดทุนในช่วงที่เติบโต ซึ่งทำให้ผลกำไรในระยะยาวไม่แน่นอนและมีความเสี่ยงสำหรับ นักลงทุน |
สรุป
แม้ว่า fintech จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมการเงินด้วยโซลูชันที่สร้างสรรค์และโอกาสใหม่ๆ สำหรับทั้งผู้บริโภคและ นักลงทุน แต่อุตสาหกรรมนี้ยังมีความท้าทายในตัวของมันเอง การเติบโตอย่างรวดเร็วของภาคส่วนนี้มอบโอกาสที่น่าตื่นเต้นให้กับผู้ที่ต้องการซื้อขายหุ้น ลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือสำรวจบริการทางการเงินขั้นสูง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องรับมือกับความผันผวน ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ และความกังวลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่เกี่ยวข้องกับบริษัท fintech
แหล่งที่มา: Investopedia.com
เปิดบัญชีซื้อขาย Skilling ฟรีวันนี้ และเริ่มต้นสำรวจหุ้นชั้นนำทั่วโลก ETFsสินค้าโภคภัณฑ์ และสกุลเงินดิจิทัลด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก
จะมีอะไรดีไปกว่าการต้อนรับคุณด้วยโบนัส
เริ่มต้นเทรดด้วยโบนัส $30 สําหรับการฝากครั้งแรกของคุณ
เป็นไปตามข้อกําหนดและเงื่อนไข
