expand/collapse risk warning

CFD เป็นตราสารที่ซับซ้อน และมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเวอเรจ 71% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการรายนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินของคุณได้หรือไม่

CFD เป็นตราสารที่ซับซ้อน และมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเวอเรจ 76% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อทำการซื้อขาย CFD กับผู้ให้บริการรายนี้ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินของคุณได้หรือไม่

76% of retail investor accounts lose money when trading CFDs with this provider.

การซื้อขายหุ้น

แผนภูมิหุ้น: คำอธิบายสำหรับเทรดเดอร์

แผนภูมิหุ้น: แผนภูมิหุ้นที่แสดงบนหน้าจอขนาดใหญ่ โดยมีชายสามคนตั้งใจทำงานบนคอมพิวเตอร์อยู่เบื้องหน้า

คุณเคยดูกราฟหุ้นแล้วรู้สึกว่าสูญเสียไปอย่างสิ้นเชิงหรือไม่? คุณสงสัยหรือไม่ว่าเส้นและสีเหล่านั้นหมายถึงอะไร? หากคุณเป็นเทรดเดอร์ การทำความเข้าใจแผนภูมิหุ้นถือเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อขายโดยมีข้อมูลครบถ้วน

และหากคุณยังใหม่กับการซื้อขาย ไม่ต้องกังวล! ในโพสต์นี้ คุณจะได้เรียนรู้พื้นฐานของแผนภูมิหุ้นและเรียนรู้วิธีใช้แผนภูมิเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์

วิธีดูกราฟหุ้น

ก่อนที่คุณจะเรียนรู้วิธีดูแผนภูมิหุ้น เรามาเจาะลึกความหมายของมันกันดีกว่า

แผนภูมิหุ้นคือการแสดงภาพผลการดำเนินงานของหุ้นของบริษัทในช่วงเวลาหนึ่ง มันแสดงการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นบนกราฟ โดยมีเวลาบนแกน x และราคาบนแกน y

แผนภูมิหุ้นมีหลายประเภท แต่ประเภทที่พบบ่อยที่สุดคือแผนภูมิเส้น แผนภูมิแท่ง และแผนภูมิ แท่งเทียน แผนภูมิแต่ละประเภทจะแสดงข้อมูลเดียวกันในรูปแบบที่แตกต่างกัน

แล้วอ่านยังไงล่ะ?

การอ่านแผนภูมิหุ้นอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวลในตอนแรก แต่ก็ง่ายต่อการเรียนรู้ แกน x แสดงไทม์ไลน์ และแกน y แสดงราคา เส้นบนแผนภูมิแสดงถึงการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในช่วงเวลาหนึ่ง แผนภูมิบางแผนภูมิยังมีข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ปริมาณ ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ และตัวชี้วัดทางเทคนิค เทรดเดอร์ใช้ข้อมูลเพิ่มเติมเหล่านี้เพื่อช่วยในการตัดสินใจซื้อขาย

วิธีเพิ่มตัวบ่งชี้

การเพิ่มตัวชี้วัดลงในแผนภูมิหุ้นเป็นส่วนสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค มาดูตัวอย่างวิธีเพิ่มตัวบ่งชี้ให้กับแพลตฟอร์มกราฟยอดนิยมอย่าง TradingView: เปิดแผนภูมิ: ไปที่ TradingView และเปิดแผนภูมิหุ้นที่คุณต้องการวิเคราะห์

  1. ค้นหาเมนูตัวบ่งชี้: มองหาปุ่ม "ตัวบ่งชี้" ที่อยู่ด้านบนของแผนภูมิหรือในแถบเครื่องมือ
  2. เลือกตัวบ่งชี้: ในเมนูตัวบ่งชี้ คุณจะพบตัวบ่งชี้ที่หลากหลายซึ่งแบ่งตามประเภท เลือกตัวบ่งชี้ที่คุณต้องการเพิ่มโดยคลิกที่ตัวบ่งชี้เหล่านั้น ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเลือก "ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่" หรือ "ดัชนีความสัมพันธ์สัมพัทธ์ (RSI)"
  3. ปรับการตั้งค่า: หลังจากเลือกตัวบ่งชี้ หน้าต่างจะปรากฏขึ้นเพื่อให้คุณสามารถปรับพารามิเตอร์ได้ คุณสามารถแก้ไขการตั้งค่า เช่น ความยาวช่วงเวลา สี หรือตัวเลือกการปรับให้เรียบได้ ใช้เวลาในการปรับแต่งตัวบ่งชี้ตามกลยุทธ์การซื้อขายของคุณ
  4. ใช้ตัวบ่งชี้: เมื่อคุณปรับการตั้งค่าแล้ว ให้คลิกที่ปุ่ม "ใช้" หรือ "ตกลง" เพื่อเพิ่มตัวบ่งชี้ลงในแผนภูมิหุ้นของคุณ
  5. วิเคราะห์ตัวบ่งชี้: ตัวบ่งชี้ที่เพิ่มเข้ามาจะปรากฏบนแผนภูมิของคุณ โดยแสดงเส้น แท่ง หรือการแสดงกราฟิกอื่น ๆ ตามลำดับ ศึกษารูปแบบ ครอสโอเวอร์ และสัญญาณที่สร้างโดยตัวบ่งชี้เพื่อประกอบการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีข้อมูล

เหตุใดแผนภูมิหุ้นจึงมีความสำคัญสำหรับเทรดเดอร์

แผนภูมิหุ้นมีความสำคัญสำหรับ เทรดเดอร์ ด้วยเหตุผลหลายประการ:

  • การแสดงภาพ: ช่วยให้เทรดเดอร์เห็นภาพความเคลื่อนไหวของราคาและรูปแบบในอดีต ด้วยการวางแผนข้อมูลราคาในช่วงเวลาหนึ่ง แผนภูมิช่วยให้เทรดเดอร์สามารถสังเกตแนวโน้ม ระดับแนวรับและแนวต้าน และปัจจัยทางเทคนิคที่สำคัญอื่นๆ
  • การวิเคราะห์ทางเทคนิค: ทำหน้าที่เป็นรากฐานสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ซึ่งเป็นแนวทางที่นิยมในการซื้อขาย เทรดเดอร์ใช้ รูปแบบแผนภูมิ ต่างๆ ตัวชี้วัด และเส้นแนวโน้มเพื่อระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้ คาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต และทำการตัดสินใจซื้อขายโดยมีข้อมูลครบถ้วน
  • บริบททางประวัติศาสตร์: ให้บริบททางประวัติศาสตร์แก่เทรดเดอร์ ทำให้พวกเขาเข้าใจว่าหุ้นมีการดำเนินการอย่างไรในอดีต ข้อมูลในอดีตนี้สามารถช่วยให้เทรดเดอร์ระบุรูปแบบหรือพฤติกรรมที่เกิดซ้ำซึ่งอาจบ่งบอกถึงการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต
  • ความเชื่อมั่นของตลาด: พวกเขาสามารถสะท้อนความรู้สึกของตลาดโดยการแสดงการกระทำและอารมณ์โดยรวมของเทรดเดอร์ ตัวอย่างเช่น หากแผนภูมิหุ้นแสดงแนวโน้มขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง กราฟดังกล่าวจะแสดงถึงความรู้สึกเชิงบวกและโอกาสในการซื้อ ในทางกลับกัน แนวโน้มขาลงอาจบ่งบอกถึงความรู้สึกเชิงลบและโอกาสในการขายที่อาจเกิดขึ้น
  • กำหนดเวลาการซื้อขาย: ผู้ค้าใช้แผนภูมิหุ้นเพื่อกำหนดเวลาการซื้อขายอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการวิเคราะห์รูปแบบกราฟและตัวบ่งชี้ เทรดเดอร์สามารถระบุจุดเข้าและออกที่ดี ช่วยให้พวกเขาปรับ กลยุทธ์การซื้อขาย ของตนให้เหมาะสม และอาจเพิ่มผลกำไรได้
  • การจัดการความเสี่ยง: ช่วยเทรดเดอร์ในการจัดการความเสี่ยงโดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคา ความผันผวน และการกลับตัวที่อาจเกิดขึ้น ผู้ค้าสามารถกำหนดระดับคำสั่งหยุดการขาดทุนหรือจุดทำกำไรตามการวิเคราะห์แผนภูมิ ทำให้พวกเขาสามารถจำกัดการขาดทุนและอาจปกป้องเงินทุนของพวกเขาได้
  • การตัดสินใจ: พวกเขายังให้ข้อมูลที่เป็นกลางและข้อมูลเชิงลึกแก่เทรดเดอร์ ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจซื้อขายได้อย่างมีข้อมูลและมีเหตุผลมากขึ้น แผนภูมิขจัดอคติทางอารมณ์และช่วยให้เทรดเดอร์พึ่งพาการวิเคราะห์ทางเทคนิคและรูปแบบราคาในอดีตเมื่อกำหนดกลยุทธ์

คำถามที่พบบ่อย

เหตุใดแผนภูมิหุ้นจึงมีความสำคัญสำหรับเทรดเดอร์?

พวกเขาให้ข้อมูลอันมีค่าแก่เทรดเดอร์โดยการนำเสนอการเคลื่อนไหวของราคาในอดีตของหุ้นด้วยภาพ ช่วยให้เทรดเดอร์วิเคราะห์แนวโน้ม ระบุรูปแบบ และตัดสินใจอย่างมีข้อมูลรอบด้านเกี่ยวกับการซื้อ ขาย หรือการถือครองหุ้น

แผนภูมิหุ้นประเภทต่าง ๆ มีอะไรบ้าง?

แผนภูมิหุ้นมีหลายประเภท รวมถึงแผนภูมิเส้น แผนภูมิแท่ง แผนภูมิแท่งเทียน และแผนภูมิจุดและรูปภาพ แต่ละประเภทนำเสนอข้อมูลราคาในรูปแบบที่แตกต่างกันเล็กน้อย ช่วยให้นักลงทุนสามารถเลือกข้อมูลที่เหมาะกับการวิเคราะห์ของตนได้

ฉันจะตีความแผนภูมิหุ้นได้อย่างไร

หากต้องการตีความ คุณสามารถวิเคราะห์ปัจจัยต่างๆ เช่น เส้นแนวโน้ม ระดับแนวรับและแนวต้าน รูปแบบกราฟ) และตัวชี้วัด องค์ประกอบเหล่านี้ช่วยระบุจุดเข้าและออกที่เป็นไปได้ กำหนดอารมณ์ของตลาด และประเมินสภาพโดยรวมของหุ้น

รูปแบบแผนภูมิทั่วไปที่ควรมองหามีอะไรบ้าง

รูปแบบแผนภูมิทั่วไปบางรูปแบบ ได้แก่ รูปแบบหัวและไหล่ รูปแบบ Double Top และ Double Bottom สามเหลี่ยมขึ้นและลง และรูปแบบ Cup and Handle รูปแบบเหล่านี้อาจบ่งบอกถึงการกลับตัวของแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้นหรือความต่อเนื่อง โดยให้ข้อมูลเชิงลึกแก่เทรดเดอร์

ใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดหุ้น

เข้ารับตำแหน่งในการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น ไม่พลาดโอกาส

ลงชื่อ

ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้รับประกันหรือคาดการณ์ผลการดำเนินงานในอนาคต